ทำไมต้อง 108 ??? ประคำก็ 108 เม็ด สวดมนต์ก็ 108 จบ

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 |

เราจะมาค้น หาความจริงเกี่ยวกับตัวเลข 108 กัน ว่ามีที่มาจากไหนกัน เพราะเอะอะ อะไร ก็ สวดมนต์ 108 จบ ลูกประคำยังต้อง 108 เม็ด ท่านเคยสงสัยกันบ้างมั้ยครับ
คำตอบทั้งหมดอยู่ในทักษา!
ทักษา คือ การทำนายชีวิตมนุษย์ โดยแบ่งชีวิตมนุษย์ออกเป็น 8 ภูมิ คือ
บริวาร อายุ เดช ศรี มูละ อุตสาหะ มนตรี กาลี

บริวาร
อายุ
เดช
กาลี
ศรี
มนตรี
อุตสาหะ
มูละ

เกิด วันไหน วันนั้นเป็นบริวาร แต่มีจุดที่ต้องเน้นอยู่ที่ว่า การเรียงดาวต้องจำให้ดี เพราะในตารางทักษานั้น เราไม่ได้เรียง อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสฯ ศุกร์ เสาร์ แต่เราจะเรียงแบบนี้ คือ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ พฤหัสฯ ราหู ศุกร์ ดังนี้

อาทิตย์ 6
จันทร์ 15
อังคาร 8
ศุกร์ 21
พุธ 17
ราหู 12
พฤหัสฯ 19
เสาร์ 10

ตัวเลขที่อยู่ข้างหลังวันก็คือ กำลังพระเคราะห์นั่นเอง เรามาดูที่มาของกำลังดาวกัน
ก่อน อื่นต้องรู้ว่า ในโลกนี้ย่อมมีดี มีชั่ว เรื่องดาวก็เช่นเดียวกัน มีดาวดี และดาวร้าย ซึ่งเรียกกันว่า ดาวศุภเคราะห์ กับ ดาวบาปเคราะห์
ดาวศุภเคราะห์ คือ ดาวดี อยู่ตรงตำแหน่งเครื่องหมายบวก คือ ดาวจันทร์ พุธ พฤหัสฯ ศุกร์ หรือ 2 4 5 6
ดาวบาปเคราะห์ คือ ดาวร้าย อยู่ตรงมุมทั้ง 4 ด้าน เป็นเครื่องหมายกากบาท ได้แก่ ดาวอาทิตย์ อังคาร เสาร์ ราหู หรือ 1 3 7 8
หลัก การคือ ดาวร้าย สามารถรับแสงจากดวงอาทิตย์เพียงครั้งเดียวก็เกิดได้เลย ในขณะที่ดาวดีต้องรับพลังแสงถึง 2 ครั้ง จึงจะเกิดได้ โดยมีจุด start อยู่ที่ทิศใต้หรือที่ตำแหน่งดาวพุธ นับเวียนขวาไปจนถึงดวงอาทิตย์ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
อาทิตย์ จึงมีกำลัง 6 (นับ 1 จากพุธ นับ 2 ที่เสาร์ นับ 3 ที่พฤหัสฯ นับ 4 ที่ราหู นับ 5 ที่ศุกร์ นับ 6 ที่อาทิตย์) เป็นดาวร้ายรับแสงครั้งเดียวพอ
จันทร์มีกำลัง 15 (นับแบบเดียวกันแต่ 2 รอบ เพราะเป็นดาวดี)
ดาวอื่นๆ ก็ทำเช่นเดียวกันจบจบ
ที่น่ามหัศจรรย์คือผลรวมของกำลังดาวครับ ได้ 108 พอดิบพอดีเป๊ะๆ มาดูกัน
กำลังดาวร้ายรวมได้ 6+8+10+12 = 36
กำลังดาวดีรวมได้ 15+17+19+21 = 72
กำลังดาวดี + กำลังดาวร้าย = 36 +72 = 108
นี่ จึงเป็นที่มาของลูกปะคำ 108 เม็ด สวดมนต์ 108 จบ เพราะเป็นการรวมกำลังแห่งดวงดาวในระบบสุริยจักรวาล สังเกตว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรม ความดีย่อมชนะความชั่ว โลกจึงจะอยู่รอดได้
เรามาคลายสงสัยกันต่อว่า เหตุใดโบราณาจารย์ จึงห้ามตัดผมวันพุธ ห้ามตัดถอนต้นไม้วันพฤหัสฯ รวมถึง ห้ามเผาผีวันศุกร์
ที่มาทั้งหมดก็มาจากทักษานี่แหละครับ
ที่ห้ามตัดผมวันพุธ เพราะ อังคารที่แปลว่า ช่างตัดผม เป็นกาลี
ที่ห้ามถอนวันพฤหัสฯ ก็เพราะ เสาร์ที่แปลว่าพืชผลต้นไม้ เป็นกาลี
ที่ห้ามเผาผีวันศุกร์ ก็เพราะ ราหู ที่แปลว่า ผี เป็นกาลี นั่นเอง
มี ความมหัศจรรย์ของตัวเลข 108 ยิ่งไปกว่านั้นอีก เพราะปัจจุบัน ค้นพบว่า ดวงอาทิตย์มีเส้นผ่าศูนย์ใหญ่กว่าโลก 108 เท่า!! มันจะบังเอิญอะไรกันปานนั้น...
คราวนี้เราก็ รู้ที่มา ต้นตอ กันแล้วนะครับ น่าจะคลายความสงสัยลงไปบ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้น ทักษาจึงเป็นหลักหรือทฤษฎีที่คนไทยผู้สนใจใฝ่รู้ในวิชาโหราศาสตร์ทุกคนจำ เป็นต้องเรียนรู้ไว้ให้ดี



http://www.oknation.net/blog/lifetime/2009/04/30/entry-1



ประคำ เป็นเครื่องมือให้รู้จำนวนที่สวดมนต์ เคยสวดได้ 108 จบ ก็แสดงว่ามีความพยายามมาก สมาธิตั้งได้นาน มีขันติดี ถ้าวันใดสวดไม่ถึง 108 จบ เกิดอาการเบื่อหน่ายก่อน มันก็หมายถึงวันนั้นมีสมาธิน้อย ไม่อยากสวดมนต์แล้ว ขี้เกียจ ถ้ามีความพยายามสวดจนถึง 108 จบ ก็แสดงว่าเอาชนะความเกียจคร้านได้

ขณะที่สวดมนต์ไป จิตรู้ตามคำที่สวดไปเรื่อย ๆ จิตก็ตั้งมั่นรับรู้แต่คำที่สวดอย่างเดียว ไม่ส่งจิตไปที่อื่น นั่นคือ เกิดอารมณ์เดียว สติตั้งมั่นอยู่กับสิ่งเดียว เราเรียกว่า สมาธิ ก็จำไว้ให้ดี อารมณ์อย่างนี้เรียกว่า สมาธิ เมื่อสวดมนต์ทุกวัน สมาธิเกิดได้เร็ว จนแม้ถึงขนาดตั้ง นะโม สมาธิก็เกิดแล้ว นั้นก็คือ เรากำหนดสมาธิได้เร็วขึ้น

จิตที่เป็น สมาธิ อารมณ์เป็นอย่างไร ย่อมรู้ได้ด้วยตัวเอง เมื่อตั้งสมาธิได้ก็หมั่นพิจารณาธรรม หรือแก้ปัญหาต่าง ๆ อบรมจิตใจตัวเอง ให้รู้เท่าทัน " ตัณหา " ที่มันจะมาหลอกล่อให้เป็นทุกข์ในโลก เมื่อเรารู้ทัน มีสติปัญญาพิจารณาก่อนทำ ก่อนคิด ก่อนพูด ไม่หลงไปติดในเรื่องที่จะทำให้เกิดความทุกข์ (กิเลส) เราก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ มีแต่สุข รู้เท่าทันโลก ไม่ถูกครอบงำ พ้นกระแสโลกในที่สุด.



นี่แสดงว่ายังไม่เข้าใจ
ก่อนอื่นคุณนับประคำทำไม
เพื่อให้ใจสงบไม่ใช่เหรอ
เมื่อสงบแล้วก็หยุดนับไปเอง

เหมือนพายเรือ ไปถึงฝั่งแล้วก็หยุดพาย




จิตแลใจนี้....ทุกผู้ทุกคนย่อมจะมีจริต นิสัย อัชยาสัย.....ในการเข้าถึงธรรมที่ต่างกัน
สมาธิ.....ก็ย่อมต้องการความสงบระงับ หยุดแลนิ่งของจิต....ใจ
ไม่ว่าวิธีไหน ถ้าสงบระงับ มีศีลเป็นบาทเบื้องต้น....ละ เลิก รัก โลภ โกรธ หลง ก็ใช้ได้ทั้งนั้น

ส่วนที่ว่า จะเห็นอะไรได้ไหม....ก็ต้องอยู่ที่ว่า ตั้งใจหรือต้องการจะเห็นอะไร !
ถ้าต้องการเห็น จิตแลใจ ก็ต้องเจริญสมาธิ มีสติ...สัมปชัญญะ พิจารณาถูกหลัก จะนั่งนับลูกประคำ
หรือไม่นั่งนับลูกประคำ ก็สามารถเห็นได้ทั้งนั้น....ก็ต้องจับจิตแลใจโดยการเจริญสติ...ผู้รู้กับสิ่งที่ไปรับรู้
โดยสติปัฏฐานสี่ ก็มี กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณาถึงกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมฯ
เป็นต้น ก็บางทีผู้ที่มีวาสนามาแต่หนหลัง อดีตชาติสะสมบุญบารมีมามาก ก็อาจเกิดเห็นภาพ
นิมิต ต่างๆนาๆ ได้ก็มีเหมือนกัน...บ้างก็ตามอารมณ์ สิ่งที่ไปรู้ ตัวนึก ตัวคิด พอ สมาธิ...สติเผอญไป
ก็ปรุงแต่งเป็นสัญญาฯ ภาพ ปรากฏขึ้น หลอกลวง ยึดถือ ว่าเป็นจริงเป็นจังแล้วไปยึดติด ยึดมั่นถือมั่น
ก็มีอีกเหมือนกัน ......บางทีไม่เห็นภาพก็มี แล้วก็ไปยึดว่าแบบนี้ นั้น ดี ซึ่งก็แล้วแต่อุบายธรรมในการฝึกฝน
ตัวเอง ของใครของมันหรือต้องตามแต่การฝึกจากครูบาอาจารย์ที่รับรู้มา....ตามถนัดชอบพอ

บ้างก็ฝึกตรง....ฝึกเพ่ง นึกถึง นิมิตเป็นอารมณ์หรือกสิณ ก็สามารถนึกเห็นภาพ ที่ต้องการปรากฏได้
ซึ่งก็ต้องฝึกกสิณให้ตรงต่อการเกิดทิพย์จักษุ คือ กสิณแสงสว่าง กสิณไฟ กสิณสีขาว ถึงจะเป็นไป
ตามต้องพึงประสงค์นั้นๆ...นอกเหนือจากนี้แล้ว เกิดขึ้นเองได้ยาก ถ้าไม่มีบุญบารมี วาสนามาแต่
ครั้งเมื่ออดีตชาติ....(ก็ต้องสังเกตุสังการ เอาเอง) ส่วนถ้าไม่ได้ฝึกกสิณโดยตรง โอกาสแห่งการรู้เห็น
ในภาพนิมิตที่ปรากฏมัก ฟุ้ง ปรุงแต่งเสียเป็นส่วนมาก...บางคณาจารย์จึงตัดไม่ให้สนใจในนิมิตนั้น
(ตัดไฟแต่ต้นลม) ซึ่งผู้ที่เห็นจริง ได้จริง ก็มักจะรู้จะเห็นเฉพาะตัวเฉพาะตนไม่ค่อยนิยมบอกใครๆ...!
ส่วนผู้ที่มักพูดหรือโฆษณา...ก็มักจะไม่ค่อยจริงหรือเห็นนั้นเห็นจริง แต่จริงที่เห็นมักไม่จริง เป็นต้น




ถ้าถนัดในการใช้ลูกประคำ จงทำต่อไป ไม่อยากให้เปลี่ยนแนวทาง เพราะทำแล้ว

จิตสงบได้ ขออนุโมทนาครับ

หรือถ้่าอยากเปลี่ยนแนวฝึก แนะนำให้ใช้ลูกประคำ นำไปก่อน นำไปก่อนนะครับ

เช่น นับไปได้ครึ่ีงรอบ แล้วถือลูกประคำไว้ เปลี่ยนจิตแบบลมหายใจ หรือกสิณ

คือถ้าอยากเปลี่ยนแนว ให้เอาสิ่งที่ชำนิชำนาญเดิม ค่อย ๆ ปน ค่อย ๆ แทรก



กรรมฐานทุกอย่าง อย่าไปติดพิธีกรรม

เครื่องมือเป็นเพียงอุปกรณ์ ที่ใช้ในอุบาย

จิตของคุณต่างหาก ที่เป็นคนนำ หรือผู้นำ

จิตนำกรรมฐาน ไม่ใช่ให้กรรมฐานนำจิต






นาๆคำตอบ ข้อคิดเห็นเกี่ยวลูกประคำค่ะ นำมาฝาก...



ทั้งสองโพสท์ ก๊อปมาจาก อ.Dhita บอร์ดเก่าจ้ะ

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 |

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้ เพราะอะไร...
วัยเยาว์ฉัน ไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันยังเด็กเกินไปที่จะคิด
ชีวิตฉัน เพิ่งเริ่มต้น ทุกวันนี้ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่
และฉันไม่เหลือพอที่ จะเก็บ ฉันกำลังเล่นสนุก
วันหนึ่งเมื่อฉัน โตขึ้น ฉันจะเก็บเงิน

วัยรุ่น
ฉันไม่สามารถเก็บเงิน ได้เดี๋ยวนี้...
ฉันยัง เรียน หนังสืออยู่
พ่อแม่ให้เงินสำหรับพอใช้ ในแต่ละวันเท่านั้น
ฉันยังเก็บเงินไม่ได้หรอก
นอกจากนั้นฉันยังมี เรื่องอื่นๆ
ที่ต้องใช้เงินอีกเมื่อฉันเรียนจบ
และถ้าฉัน หาเงินได้ เอง ฉันจึงจะเก็บ

วัย 20ฉัน ไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันเพิ่ง เรียนจบ
ขอเวลาฉันได้พัก สมองบ้าง และฉันยังไม่พร้อมที่จะผูกมัดเรื่องนี้
ฉันยังต้องการแสวงหา ความสนุก ในขณะที่ฉันสามารถทำได้
ยังมีเวลาเหลืออีกมากที่จะคิด
ถึง ตอนนั้นเมื่อฉัน พร้อม ฉันก็จะเก็บ

วัย 30
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้
ฉันเพิ่ง มีครอบครัว และต้องรับผิดชอบหลายอย่าง
ค่าใช้จ่ายลูกเดี๋ยวนี้แพงเหลือ เกิน
และฉันยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้บ้านอีกด้วย
ทุกวันนี้แทบจะชักหน้า ไม่ถึงหลังอยู่แล้ว
ถ้าวันข้างหน้าฉันหาเงินได้ มากกว่านี้ และลูกๆ โตแล้ว ฉันจึงจะเก็บ

วัย 40
ฉัน ไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ลูกฉันเริ่มเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย
เดี๋ยว นี้ค่าหน่วยกิตและค่าต่างๆ แพงมาก
ไหนยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้ที่ซื้อรถ ยนต์ให้ลูกอีกฉันกลัวพวกเขาลำบาก
ตอนนี้ยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายสูง จริงๆ
และ เป็นเวลาที่ยากที่จะเก็บเงิน
แต่อีก สักระยะ เมื่อพวกเขาเรียนจบ การเงินคงจะคล่องตัวขึ้น
ถึงตอนนั้นฉันจึงจะเก็บ

วัย 50
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้ เดี๋ยวนี้...
ตอนนี้ ลูกๆ เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายคนกำลังจะแต่งงาน
ฉัน อยากให้พวกเขาเริ่มต้นชีวิตที่ดี
นอกจากนี้ฉันยังต้องไปช่วย ญาติ บางคน
ซึ่ง ตอนนี้พวกเขากำลัง ต้องการความช่วยเหลือ
เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นไปตามที่ ฉันคิดไว้เลย มันติดขัดไปหมด
โชคดีเมื่อไหร่ ฉันคงจะเก็บเงินได้

วัย 60ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้ เดี๋ยวนี้...
ฉันนึกว่า สถานการณ์ น่าจะดีขึ้น ฉันอยากเกษียณอายุก่อน
แต่ ฉันไม่สามารถทำได้
ฉันกำลังพยายามจ่ายเงินติดค้างจำนองบ้านที่เหลือและ หนี้สินอื่นๆ
แต่ทุกอย่างยังประดังเข้ามา ไหนจะลูกเอยหลานเอย
ไอ้โน่น ไอ้นี่มาลงที่ตัวฉันหมด ถ้า ภาระฉันหมด เมื่อไร
ฉันภาวนาว่าฉันน่าจะเก็บ ได้

วัย 70
ฉันไม่ สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉัน แก่เกินไป ที่จะเก็บ
เงินบำนาญของ ฉันก็มีไม่มากพอ
บิลค่ายาและค่าดูแลรักษาพยาบาลระยะยาวทำให้ฉันเป็นห่วง อยู่
ฉันไม่อยากไปเป็นภาระของลูกๆ เขา
ฉันน่าจะเก็บตอนที่ฉันมีและควร เก็บได้

ตอนนี้
มัน สายเกินไป......
ฉัน ไม่สามารถ เก็บเงินได้เดี๋ยวนี้จริงๆ.....

ปล. อ่านแล้วอยากให้ส่งต่อ เพราะอย่างน้อยคุณก็ ได้เตือนสติ
ให้คนอีกหลายคน ได้เก็บเงิน
ตอนที่เขาสามารถเก็บได้

ขอให้เพื่อนโชคดี......มี เงินออมมาก ๆ ทุกคนนะครับ

6 วิธีจีบสาวให้ติดหนึบ

|




















1 .อย่าคบเธอเหมือนเพื่อน
เดี๋ยวเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าคุณเป็นแค่เพื่อน หรือไม่ก็เป็นกิ๊กคนหนึ่งของเธอเท่านั้น
ถ้าคุณพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอก่อนความรักจะก่อตัวขึ้น เธอก็จะคิดว่าคุณเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งทันที
ยิ่งนานวันไป ความสัมพันธ์ควรจะเบ่งบาน แต่มันก็บานได้แค่ความเป็นเพื่อน ไม่ก้าวถึงความเป็นแฟนสักที
ดีไม่ดีโดนคนอื่นคว้าไปอีก ฉะนั้น ถ้าคิดจะคบเธอเป็นแฟน ก็จงคบแบบแฟนตั้งแต่เริ่มแรกเลย


2. ทำเซอร์ไพรส์เธอบ้าง
ผู้หญิงน่ะชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ ต่อให้เธอปากแข็งแค่ไหน เชื่อเถอะว่าเธอชอบความตื่นเต้นเร้าใจ และลึกลับ
มากกว่าที่จะรู้จักคุณหมดไส้หมดพุง เพราะอย่างนั้น มันก็เหมือนหมดความน่าตื่นเต้นในตัวเองน่ะซิ
ให้ข้อมูลตัวคุณกับเธอบ้างบางครั้ง กระตุ้นให้เธออยากรู้อยากเห็น อย่าให้เธอรู้เชียวว่าคุณกำลังเดินหมากอย่างไร
สร้างความประทับใจและยวนใจเธอเข้าไว้ แล้วเธอจะเดินเข้ามาหาคุณเอง


3. เป็นฝ่ายอยู่นิ่งๆ ไม่ใช่ฝ่ายไล่ตาม
อย่าเคลื่อนไหวก่อน ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว การที่คุณจะรุกหญิงสาวสักคนหนึ่งก่อน พึงตระหนักไว้ว่า
มันอาจทำให้เธอรำคาญได้ง่ายๆ อยู่นิ่งๆ แล้วหยั่งเชิงก่อนว่าเธอสนใจคุณหรือเปล่าหรือคุณสนใจเธอจริงหรือเปล่า
ถ้าใช่ ค่อยๆ เผยให้เธอรู้ทีละน้อย แต่อย่าอ่อยนานนักล่ะ เดี๋ยวเธอจะหลุดหายไปจากวงโคจรเสียก่อน


4. หันมาสนใจตัวเองบ้าง
เพิ่มเสน่ห์ให้ตัวเอง ด้วยกลิ่นกายที่หอมกรุ่น ผิวพรรณที่ชวนมอง
อ้าว! ว่าไม่ได้ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขาดูผู้ชายที่ผิวพรรณด้วยนะ ประเภทผิวหยาบกร้าน ยอมรับว่ามีบางกลุ่มที่ชอบ
แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นหนุ่มผิวดี มักเข้าตากรรมการสาวมากกว่า ที่สำคัญคือลมหายใจและกลิ่นปากต้องสดชื่น
แต่งตัวสะอาดชวนมอง ประเภทเฮฟวี่น่าจะหมดยุคไปแล้ว
แต่งให้ดูแล้วน่าคบหาสมาคมและดูสุภาพไว้ก่อน น่าจะเรียกคะแนนความนิยมได้ง่ายกว่า


5. มีอารมณ์ขัน
ผู้หญิงน้อยคนจะชอบผู้ชายที่เต็มไปด้วยความเครียด ยิ่งเครียดเธอก็ยิ่งเบื่อหน่าย
พวกเธอชอบผู้ชายที่มีอารมณ์ขัน เพราะจะทำให้ชีวิตเธอสนุกสนาน ไม่ซีเรียส ยิ้มเข้าไว้
ยิ่งถ้าคุณเป็นหนุ่มยิ้มเก่ง มารยาทสุภาพ รู้จักกาลเทศะ
อย่าว่าแต่จะชนะใจเธอเลย ชนะใจไปถึงครอบครัวเธอได้ง่ายๆ ด้วย เรื่องนี้เขาสำรวจกันอย่างจริงจังมาแล้วพบว่า
ผู้หญิง 9 ใน 1 คนจะคำนึงถึงความสำคัญของอารมณ์ขันของชายหนุ่มเป็นเรื่องแรก
ฉะนั้นทิ้งมาดเก๊กหล่อไว้ แล้วเอาอารมณ์ขันมาสร้างสีสันให้กับคนที่คุณอยากได้เป็นแฟนแทนได้แล้ว


6. คิดให้ดีและถี่ถ้วนก่อน
อย่าเพิ่งคิดว่าเธอคือคนที่ใช่แน่ๆ จากที่ออกเดทด้วยกันเพียงไม่กี่ครั้ง อาจเป็นได้ว่าคุณแค่เพ้อไปช่วงหนึ่งเท่านั้น
ช่วงเพ้อนี่แหละที่จะทำให้คุณตามัวหมอง อะไรก็ดีไปหมด นึกว่าเธอใช่แน่นอน
ขอย้ำเตือนว่า ใช้เวลาสักนิด ตอบคำถามกับตัวเองให้แน่ใจก่อนว่า
เธอคนนี้...ใช่คนที่คุณรักมากที่สุดแล้วหรือเปล่า,
เธอคนนี้...ใช่คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของคุณหรือเปล่า
และเธอคนนี้...ใช่คนที่จะมาเป็นแม่ของลูกคุณหรือเปล่า
ใช้เวลาในการตัดสินใจสักพัก อย่าด่วนได้ใจเร็ว

ข้อมูลจาก forwardmail

ข้อมูลสำคัญที่ขาดหายไปในทะเบียนสมรส

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 |

             


       ภรรยาแสนจะภูมิใจที่เห็นสามีนั่งดูทะเบียนสมรสอยู่นานแสนนาน  
      ในที่สุดก็เอ่ยปากถามสามีว่า " ดูไม่เบื่อเลยหรือคะ "  
      สามีสุดที่รักเลยบอกว่า   " ไม่หรอก   ผมพยายามหา วันที่มันหมดอายุ อยู่น่ะ "

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้

|

ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้ เพราะอะไร...
วัยเยาว์ฉัน ไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันยังเด็กเกินไปที่จะคิด
ชีวิตฉัน เพิ่งเริ่มต้น ทุกวันนี้ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่
และฉันไม่เหลือพอที่ จะเก็บ ฉันกำลังเล่นสนุก
วันหนึ่งเมื่อฉัน โตขึ้น ฉันจะเก็บเงิน

วัยรุ่น
ฉันไม่สามารถเก็บเงิน ได้เดี๋ยวนี้...
ฉันยัง เรียน หนังสืออยู่
พ่อแม่ให้เงินสำหรับพอใช้ ในแต่ละวันเท่านั้น
ฉันยังเก็บเงินไม่ได้หรอก
นอกจากนั้นฉันยังมี เรื่องอื่นๆ
ที่ต้องใช้เงินอีกเมื่อฉันเรียนจบ
และถ้าฉัน หาเงินได้ เอง ฉันจึงจะเก็บ

วัย 20ฉัน ไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันเพิ่ง เรียนจบ
ขอเวลาฉันได้พัก สมองบ้าง และฉันยังไม่พร้อมที่จะผูกมัดเรื่องนี้
ฉันยังต้องการแสวงหา ความสนุก ในขณะที่ฉันสามารถทำได้
ยังมีเวลาเหลืออีกมากที่จะคิด
ถึง ตอนนั้นเมื่อฉัน พร้อม ฉันก็จะเก็บ

วัย 30
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้
ฉันเพิ่ง มีครอบครัว และต้องรับผิดชอบหลายอย่าง
ค่าใช้จ่ายลูกเดี๋ยวนี้แพงเหลือ เกิน
และฉันยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้บ้านอีกด้วย
ทุกวันนี้แทบจะชักหน้า ไม่ถึงหลังอยู่แล้ว
ถ้าวันข้างหน้าฉันหาเงินได้ มากกว่านี้ และลูกๆ โตแล้ว ฉันจึงจะเก็บ

วัย 40
ฉัน ไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ลูกฉันเริ่มเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย
เดี๋ยว นี้ค่าหน่วยกิตและค่าต่างๆ แพงมาก
ไหนยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้ที่ซื้อรถ ยนต์ให้ลูกอีกฉันกลัวพวกเขาลำบาก
ตอนนี้ยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายสูง จริงๆ
และ เป็นเวลาที่ยากที่จะเก็บเงิน
แต่อีก สักระยะ เมื่อพวกเขาเรียนจบ การเงินคงจะคล่องตัวขึ้น
ถึงตอนนั้นฉันจึงจะเก็บ

วัย 50
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้ เดี๋ยวนี้...
ตอนนี้ ลูกๆ เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายคนกำลังจะแต่งงาน
ฉัน อยากให้พวกเขาเริ่มต้นชีวิตที่ดี
นอกจากนี้ฉันยังต้องไปช่วย ญาติ บางคน
ซึ่ง ตอนนี้พวกเขากำลัง ต้องการความช่วยเหลือ
เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นไปตามที่ ฉันคิดไว้เลย มันติดขัดไปหมด
โชคดีเมื่อไหร่ ฉันคงจะเก็บเงินได้

วัย 60ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้ เดี๋ยวนี้...
ฉันนึกว่า สถานการณ์ น่าจะดีขึ้น ฉันอยากเกษียณอายุก่อน
แต่ ฉันไม่สามารถทำได้
ฉันกำลังพยายามจ่ายเงินติดค้างจำนองบ้านที่เหลือและ หนี้สินอื่นๆ
แต่ทุกอย่างยังประดังเข้ามา ไหนจะลูกเอยหลานเอย
ไอ้โน่น ไอ้นี่มาลงที่ตัวฉันหมด ถ้า ภาระฉันหมด เมื่อไร
ฉันภาวนาว่าฉันน่าจะเก็บ ได้

วัย 70
ฉันไม่ สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉัน แก่เกินไป ที่จะเก็บ
เงินบำนาญของ ฉันก็มีไม่มากพอ
บิลค่ายาและค่าดูแลรักษาพยาบาลระยะยาวทำให้ฉันเป็นห่วง อยู่
ฉันไม่อยากไปเป็นภาระของลูกๆ เขา
ฉันน่าจะเก็บตอนที่ฉันมีและควร เก็บได้

ตอนนี้
มัน สายเกินไป......
ฉัน ไม่สามารถ เก็บเงินได้เดี๋ยวนี้จริงๆ.....

ปล. อ่านแล้วอยากให้ส่งต่อ เพราะอย่างน้อยคุณก็ ได้เตือนสติ
ให้คนอีกหลายคน ได้เก็บเงิน
ตอนที่เขาสามารถเก็บได้

ขอให้เพื่อนโชคดี......มี เงินออมมาก ๆ ทุกคนนะครับ